พ่ายจุดลูกโทษ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือชาติอังกฤษ ไม่สามารถที่จะคืนความสุขให้กับเพื่อนร่วมชาติเมื่อกองทัพ “สิงโตคำราม” พ่ายแพ้อิตาลี
พ่ายจุดลูกโทษ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือชาติอังกฤษ ไม่สามารถที่จะคืนความสุขให้กับเพื่อนร่วมชาติเมื่อกองทัพ “สิงโตคำราม” พ่ายแพ้อิตาลี สำหรับเพื่อการดวลจุดลูกโทษ 3-2 ข้างหลังเท่ากันในเวลา 120 นาที 1-1 ในเกมรอบชิงแชมป์ ศึกยูโร 2020
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 เดือนกรกฎาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา “ทรี ไลอ้อนส์” ดูเหมือนจะเป็นต่อตั้งแต่ก่อนเวลาจากการได้ประตูนำเมื่อ ลุค ชอว์ ซัดประตูสุดสวยให้ทีม รวมทั้งเปลี่ยนเป็นประตูที่เร็วที่สุดในรอบชิง ศึกยูโรซะด้วย
แม้กระนั้นต่อจากนั้น อิตาลีเดินเครื่องบดขยี้แล้วก็มาได้ประตูตีเสมอในช่วงหลังจาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ แล้วต่อจากนั้นขณะที่เหลือ “อัซซูรี่” ยังคงไล่กดอังกฤษ โดยตลอด แต่ว่าจนแล้วจนรอดก็ทำประตูเพิ่มไม่ได้จบ 90 นาทีเสมอ 1-1
ขยายเวลาพิเศษอีก 30 นาทีก็ยิงกันไม่ได้ทำให้จำเป็นต้องไปดวลจุดลูกโทษ แล้วก็เป็นสมาชิกของที่ปรึกษาโรแบร์โต้ มันชินี่ ที่ยิงแม่นกว่าคว้าแชมป์ไปครอบครอง นำมาซึ่งการทำให้อิตาลี ได้แชมป์ยูโรสมัยที่ 2 เป็นอย่างมากใหญ่
ทัวร์นาเมนต์ของ ชอว์ โชว์ของ ถึงแม้อังกฤษ จะเจอกับความหมดหวังก็ตาม แต่ว่าสำหรับ ลุค ชอว์ จำต้องบอกเลยว่านี่เป็นทัวร์นาเมนต์ของเขาอย่างแท้จริง และก็เป็นการทำให้เห็นว่า โชเซ่ มูรินโญ่ คิดผิดที่ละเลยความสามารถของเขายุคสถานที่
สำหรับทำงานด้วยกันที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลงาน 7 เกม 3 แอสซิสต์ รวมทั้ง 1 ประตูนับได้ว่าเป็นบทพิสูจน์ให้ มูรินโญ่ และก็ผู้คนจำนวนมากที่ปรามาสฟอร์มของเขามาตลอดได้อย่างดีเยี่ยม
แล้วก็คงจะไม่เป็นการกล่าวประจบสอพลอเหลือเกินว่า ชอว์ เป็นตัวบุกปีกซ้ายที่ยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร 2020 อย่างแท้จริง ในเกมนัดหมายชิง ชอว์บอกให้เห็นถึงการเล่นป้อมหัวใจภายหลังที่ทำประตูสุดงามให้ทีมขึ้นนำ
จากนั้นก็ทำผลงานได้สะดุดตาอีกทั้งเกมรุก และก็เกมรับ มีจังหวะเปิดบอลจากริมเส้นบีบคั้นปราการหลังอิตาลีได้บ่อยๆ เพราะฉะนั้นผลงานอย่างงี้แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด คงคาดหวังว่าเขาจะเล่นได้สะดุดตากับ “ปีศาจแดง”
ราวที่เล่นให้อังกฤษ ในศึกยูโรครั้งนี้ รวมทั้งหากเป็นอย่างนั้นจริงๆงานนี้คงจะได้เห็นทีเด็ดจากขอบเส้นฝั่งซ้ายของ แมนฯ ยูฯ มากขึ้นแน่นอน อิตาลีดุเดือดไม่มีเป๋หากแม้โดนนำตั้งแต่เวลารุ่งสาง
พ่ายจุดลูกโทษ ธรรมดาแล้วแฟนบอลมักจะมองเห็นอิตาลี เป็นพวกเล่นแบบฟาดศีรษะเข้าบ้าน หรือ “คาเตนัชโช่” แม้กระนั้นในสมัยของ โรแบร์โต้ มันชินี่ จำเป็นต้องบอกเลยว่าเขาเปลี่ยนแปลงโชว์ทีมแปลงเป็นชาติที่เล่นเกมรุกได้อย่างดุเดือด และก็ยังมีเกมรับที่แน่นแฟ้นด้วย รีวิวเจ็ทสกี
การดวลจุดลูกโทษ3-2 ข้างหลังเท่ากันในเวลา 120 นาที 1-1 ในเกมรอบชิงแชมป์ศึกยูโร2020
พ่ายจุดลูกโทษ “อัซซูรี่” เสียสมาธิเพียงแค่ครั้งเดียวในตอนต้นเกมกระทั่งทำให้พวกเขาโดน อังกฤษทำประตูขึ้นนำ แม้กระนั้นจากนั้น “มันโช่” แอนด์ โค. มิได้มีลักษณะอาการวิตกกังวล หรือเล่นด้วยความประหม่าเลย
พวกเขายังคงเดินเกมบุกบดขยี้ สิงโตคำรามจำพวกที่โงหัวไม่ขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว อิตาลีสร้างจังหวะที่จะทำประตูตีเสมอในตอนครึ่งแรกบ่อยมาก แม้กระนั้นโชคร้ายที่การจบสกอร์ยังไม่คม
โดยยิ่งไปกว่านั้นลูกยิงไกลของ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ถากเสาออกไปแบบมีลุ้นอย่างยิ่งจริงๆ ในตอนทดเจ็บครึ่งแรกจังหวะ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เกี่ยวข้องตัวยิงในกรอบจุดโทษ หากไม่โดน จอห์น สโตนส์ บล็อกเอาไว้ อาจใส่สกอร์ได้เลย
ช่วงหลัง อิตาลีก็ยังดุเดือดกด อังกฤษตลอดและก็เกือบจะได้ประตูจาก เคียซ่า แม้กระนั้นโชคดีที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด โชว์ซูเปอร์เซฟ แม้กระนั้นความเพียรพยายามสำหรับการเล่นเกมรุกของพวกเขามาประสบความสำเร็จจาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่
ต่อไป มันชินี่ พากเพียรแก้เกมด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นเปลี่ยนแปลงแท็กติกเพื่อหวังจะเอาชนะ อังกฤษให้ได้ใน 90 นาทีแม้กระนั้นก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ช่วงทดเวลา รูปเกมก็ดังเดิม แล้วก็ผลสรุปความพยายามของพวกเขามาสำเร็จสำหรับเพื่อการดวลจุดลูกโทษ
ผลงานของอิตาลี ในยุค มันชินี่ ถือว่าเป็นการรบคำครหาของหลายๆชาติที่หยามหน้าพวกเขาว่าเป็น “ทีมจอมอุด” หรือ “ตีหัวเข้าบ้าน” เนื่องจาก “อัซซูรี่” ยุคนี้เป็นกลุ่มที่เล่นเกมรุกไหลลื่น รวมทั้งมีแท็กติกที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดระยะเวลา
เคน สุดกำลังแล้ว แฮร์รี่ เคน อาจเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์นี้ออกจะพองไปหน่อย แม้กระนั้นถ้าดูแบบเป็นกลางเขาปฏิบัติภารกิจเปรียบได้ดั่งผู้เล่นคนสำคัญมากยิ่งกว่า “หน้าเป้า” ด้วย เนื่องจากว่าเกือบทุกเกมเจ้าตัวชอบลงมาล้วงบอลลึกเสมอๆเพื่อสร้างจังหวะให้สหายร่วมทีม
ในแมตช์นัดหมายชิง จังหวะที่ “สิงโตคำราม” ได้ประตูขึ้นนำ มาจากการวิ่งประคับประคองคอยรับบอลจาก ชอว์ ในแดนตนเอง ก่อนที่จะใช้สายตาเฉียบคมโยนไปให้ คีแรน ทริปเปียร์ ทางฝั่งขวาที่ครอสยาวมาให้ ตัวบุกปีกซ้าย แมนฯ ยูไนเต็ด กดประตูอย่างงดงาม
สำหรับเกมนี้ เคน รู้ดีว่าน่าจะโดน โบนุชชี่กับ คิเอลลินี่ ตามประกบติดแบบหายใจรดต้นคอ ทำให้เขาเลือกที่จะวิ่งลงต่ำหาพื้นที่รับบอล และก็รอผ่านบอลให้กับเพื่อนร่วมกลุ่มได้ได้โอกาสทำแต้มซึ่งเจ้าตัวก็ทำเป็นดีอย่างยิ่งจริงๆ
เคน มักจะวิ่งไปรับบอลลึก และก็ครั้งใดก็ตามครอบครองบอลได้ผู้เล่นอิตาลีชอบทำฟาวล์ ทำให้อังกฤษ ได้ฟรีคิกหลายครั้ง แต่ว่าโชคร้ายที่จังหวะอย่างนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะแปลงให้มันเป็นประตูได้
ผลงานซัดไป 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ และก็การคอยปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่แค่ยืนเป็นหน้าเป้า อาจไม่มีผู้ใดกล้าต่อว่า สตาร์ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เนื่องจากว่าเขาทุ่มเทให้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว แต่ว่าในเมื่อกลุ่มไม่มีบุญบารมีก็เป็นไปได้เพียงแค่พระรองถัดไป
สิงโตคำรามฝันสลายชวดแชมป์ยูโรยุคแรกหลัง อิตาลีชนะจุดลูกโทษซิวแชมป์สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ เซาธ์เกตแก้เกมช้าเหลือเกิน หนึ่งในความปราชัยที่แฟนบอลอังกฤษจะประยุกต์ใช้เป็นข้อแก้ตัวอาจหนีไม่พ้นแท็กติกของซาธ์เกต
เพราะเหตุว่าภายหลังที่กลุ่มได้ประตูนำตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 นาที พวกเขากลับหันมาเล่นตั้งรับจำพวกที่ไม่คิดจะสวนกลับเลย อันที่จริงแล้ว อังกฤษได้โอกาสที่จะทำประตูหนีห่างด้วยถ้าหาก เซาธ์เกตเลือกที่จะวางแท็กติกสวนกลับเร็ว
ด้วยเหตุว่าอิตาลี ก็ไม่ได้มีเกมรับที่แน่นแฟ้นเท่าไรนัก ซึ่งดูได้จากตั้งแต่รอบน็อกเอาต์พวกเขาเสียประตูมาตลอด แต่ว่าดูอย่างกับว่า เซาธ์เกตจะเล่นแบบไม่มีอันตรายให้ก่อนในครึ่งแรกภายหลังที่ได้ประตู อังกฤษไม่มีจังหวะหวาดเสียวอีกเลย
ส่วนช่วงหลังยิ่งหนักเพราะว่ากลุ่มไม่มีทีเด็ดอะไรทั้งหมด ท้ายที่สุดทำนบแตกโดนตีเสมอ ต่อไปแทนที่ เซาธ์เกตจะปรับแท็กติกสู้แปลงเป็น มันชินี่ ที่พากเพียรแก้เกมเพื่อหวังที่จะนำ “อัซซูรี่” ปิดบัญชีให้ได้ในเวลา 90 นาที ช่วงเวลาที่นายใหญ่ “ทรี ไลอ้อนส์” แก้เกมทั้งทีแต่ว่าดันแปลงผู้เล่นที่ลงแล้วไม่ได้ก่อผลดีอะไรเลย
อีกทั้ง บูกาโย่ ซาก้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ลงในสนามมาในกึ่งกลางช่วงหลังแม้กระนั้นไม่ได้ทำให้กลุ่มดูอันตรายอะไรเลย ส่วน แจ็ค กรีลิช ที่คงจะช่วยทีมได้มากกว่านี้ก็ดันไปแปลงในช่วงทดเวลาซะงั้น เหมือนกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เจดอน ซานโช่ ทั้งสองได้ลงมาขณะที่เหลือเพียงนาทีเดียวก่อนหมดเวลา 120 นาที
ที่จริงแล้วถ้าหากมองดูตรงข้ามถ้าเกิด เซาธ์เกตเลือกส่ง กรีลิช, แรชฟอร์ด รวมทั้ง ซานโช่ ลงไปในสนามในตอนกึ่งกลางช่วงหลัง พวกเราบางครั้งก็อาจจะได้เห็นทีเด็ดของสามคนนี้ มากยิ่งกว่าเพียงแค่การลงไปยิงจุดลูกโทษแถมยิงไม่เข้าอีกต่างหาก
ท้ายที่สุดแล้วถ้าวันนี้ อังกฤษเป็นแชมป์ แน่ๆว่าแท็กติกของ เซาธ์เกตอาจจะไม่มีผู้ใดออกมาตำหริ แม้กระนั้นในเมื่อไม่ได้แชมป์งานนี้บอกเลยว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลเครางามโดนลากไส้จวกแหลก….ไอ้ความดีที่ทำมาจนถึงนำทีมเข้าชิง หายวับไปกับตา !!
ฟุตบอลไม่กลับไปอยู่บ้าน แต่กลับ “โรม” ฟุตบอล’ส คัมมิ่ง โฮม!” เสียงเชียร์ดังสนั่นในช่วงก่อนหน้าที่ผ่านมา เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นงานกร่อยไปเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุว่าบอลมันไม่ได้กลับไปอยู่บ้าน แม้กระนั้นมันดันเดินทางไปอยู่ที่กรุงโรมซะงั้้น
ความมุ่งหวังของแฟนบอลอังกฤษที่ต้องการมองเห็นดินแดนที่พวกเขาอ้างถึงว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนเกมลูกหนัง ผงาดได้แชมป์ระดับชาติอีกที ภายหลังที่เคยทำเป็นเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษ ในเวลาที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ซึ่งแน่นอนว่าลูกๆหลานๆของพวกเขาไม่เคยมองเห็นระยะเวลาที่ความสำราญแบบงั้นแบบสดๆ
ทุกๆอย่างดูราวกับว่าสรวงสวรรค์ตีเส้นให้อังกฤษ จะบรรลุความสำเร็จ อีกทั้งการได้เล่นเกมนัดหมายชิงที่สนามเวมบลีย์ ทางตั้งแต่รอบน็อกเอาต์ มาจนกระทั่งเกมรอบชิงแชมป์ ที่ไม่ได้ลำเค็ญเมื่อเทียบกับอิตาลี
พ่ายจุดลูกโทษ แม้กระนั้นแม้กระทั่งตลอดการเดินทางจะไม่มีปัญหาความยากแค้นก็ตาม แม้กระนั้นท้ายที่สุดเมื่อวาสนาไม่ถึง สิงโตคำรามก็ได้แต่ว่านอนซมจมน้ำตาถัดไป รวมทั้งประโยคที่ว่า “ฟุตบอล’ส คัมมิ่ง โฮม!” ในขณะนี้แปลงเป็น ฟุตบอล’ส คัมมิ่ง โรม !เป็นระเบียบเรียบร้อย 3ทีมชาติสุดโหด