ทีมเยือน โรดรีโก้ เบิ้ลทดเจ็บ ก่อนเบนเซมา ซัดโทษต่อเวลาดับ แมนฯ ซิตี้ พาเรอัล มาดริด ชน ลิเวอร์พูลรอบชิง
ทีมเยือน เรอัลออกสตาร์ทเกมไวและ เป็นฝ่ายได้โจมตีก่อนจากจังหวะที่ คาร์บาฆาล เปิดบอลเข้าไปถึง เบนเซมาที่จบไม่ได้ แต่อย่างไรก็เป็นลูกล้ำหน้า ไปก่อนแล้วอยู่ดีนาทีที่ 9 มีชุลมุนเล็กน้อย เมื่อเดอบรอยน์ โดน คาเซมิโร เล่นงานจนล้มลงไปกองกับพื้นแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร จนนำไปสู่การโต้เถียง อย่างออกรสจากผู้เล่นทั้งสองฝ่าย และจบลงด้วยการที่ โมดริช และ ลาปอร์ต ได้รับใบเหลืองไปคนละใบ
อึดใจต่อมา มาห์เรซ ลองยิงไกลดู แต่บอลพุ่งไปตรงตัว คูร์ตัวส์ อีกโอกาสที่จะแจ้งเป็นของเจ้าบ้านเมื่อ คาร์บาฆาล ประสานงานกับ บัลเบร์เด้ ได้โยนไปถึงเบนเซมา อีกครั้ง โดยที่คราวนี้ไม่ล้ำหน้าแต่หัวหอก เลือดน้ำหอมซัดเหินข้ามคานออก ไปเองอย่างน่าเสียดาย อนาคตไม่แน่นอน
วินิซิอุส ดูจะเล่นงาน วอล์คเกอร์ได้มากพอสมควรด้วย ความเร็วของเขา แต่บอลสุดท้ายจากแข้งชาว บราซิล ก็ไม่ค่อยไปถึงไหนและมักจะถูกหยุดยั้งเอาไว้ ได้โดยแนวรับของซิตี้ ทีมเยือนไม่ได้เ่ลนเกมเปิด มากนักและพยายามเน้นครองเกม ด้วยการผ่านบอลไปรอบๆอย่างใจเย็น ซึ่งตรงกันข้ามกับลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ
กระนั้นโอกาสของ ซิตี้ก็มาเรื่อยๆแล้ว ทั้งจากฮาล์ฟวอลเลย์จาก แบร์นาโด ซิลวา ในนาทีที่ 20 ที่โดนเซฟ ไปจนถึงอีกลูกยิงของ เฆซุส ที่หลุดกรอบออกไปเอง โดยที่ทั้งสองโอกาสมาจาก การถวานพานให้ของ เดอบรอยน์ทั้งสิ้น
ช่วงท้ายครึ่งเรอัล เป็นรองอย่างชัดเจนและงานหนัก ก็ดูจกตกไปอยู่ที่นายประตูชาว เบลเยียมของพวกเขาขณะที่อีกฟาก เอแดร์ซอน ยังไม่ต้องออกแรงเซฟเลย 45 นาทีหลังเริ่มขึ้นแล้วและ คาร์บาฆาล ก็ไม่รอช้าเติมมาโยนบอลทักทาย ซิตี้ทันที แต่แนวรับของทีมเยือนยังเอาอยู่ทั้ง กับจังหวะนี้และลูกซ้ำของ วินิซิอุส ด้วย https://www.sfwa.info
นาทีที่49 เฆซุส ล็อคหนี คาเซมิโร ก่อนจะสับไกไปให้ คูร์ตัวส์ ได้เซฟ – ตอนนี้ทั้งคู่มีโอกาสยิง 7 ครั้งเท่ากัน แต่เรอัล ยังไม่เข้ากรอบเลยส่วนทีมเยือน ซิตี้นั้นยิงเข้ากรอบไปถึง 5 ครั้งแล้ว
นาทีที่51 วินิซิอุส ใช้ความเร็วลากเลื้อยมาจนสุดเส้นก่อนตบเข้ากลางให้ โมดริช จับบอลไม่ดียิงไปติดบล็อคผู้เล่นซิตี้ มาถึงจุดนี้เรอัล ดูดีกว่าเล็กน้อย แต่บอลในจังหวะสุดท้ายยังคงโดน ซิตี้กินเรียบ เช่นเดียวกับเบนเซมา ที่หายไปจากเกมเลย
มาถึงนาทีที่ 70 วอล์คเกอร์ เข้าไปชน วินิซิอุส จนกลิ้งแต่ตัวเองเอาขาลงผิดท่าแล้วเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ซิตี้ ต้องขยับส่ง กุนโดกัน ลงมาแทนนาทีที่ 73 ทีมเยืนขึ้นนำแล้ว 0-1 เริ่มต้นที่การต่อบอลจากแนวหลังของซิตี้ ถ่ายขึ้นหน้ามาอย่างรวดเร็วถึง ซิลวา วิ่งดึงตัวประกบก่อนแตะออกขวาให้ มาห์เรซ ทะยานมาซัดเต็มข้อติดไซร้นิดๆพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย
อันเชล็อตติ เปลี่ยนตัวเพิ่มทัมทีอีกสองตำแหน่ง ส่ง กามาแว็งก้า และ อเซนซิโอ ลงมาแทน โมดริช และ คาเซมิโร เพราะต้องการประตูคืนอีกอย่างน้อยสองลูกนาทีที่ 86 ซิตี้มีลุ้นทิ้งห่างจากโอกาสยิงของ คันเซโล ที่ก็เป็น คูร์ตัวส์ ที่ช่วยเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง
ความหวังยังมีเรอัล ไล่มาเป็น 1-1นาทีที่ 90 จากบอลยาวของ กามาแว็งก้า ถึงเบนเซมา จบเข้ากลางให้ โรดรีโก้ ชาร์จจ่อๆ หากยังไม่หนำเรอัล ขอบวกเพิ่มอีกลูกเมื่อ คาร์บาฆาล เติมมาเปิดให้ โรดรีโก้ทีมเยือน คนเดิมได้เทคตัวเหนือสองเซ็นเตอร์โขกบอลเข้าไปพร้อมกับสกอร์รวมที่เสมอกันแล้ว
ปิดท้ายเกมด้วยอีกหนึ่งโอกาสทองของ โรดรีโก้ ที่ เอแดร์ซอน เซฟเอาไว้ได้กับอีกหนึ่งลูกยิงจาก โฟเดน ที่ข้ามคานออกไปเอง ต่อเวลาพิเศษ เริ่มมาไม่ทันไรเบนเซมา แผลงฤทธิ์เสียแล้ว หลังโดน ดิอาส ทำฟาวล์ล้มลงในกรอบเขตโทษก่อนจะลุกมายิงด้วยตัวเองส่งให้เรอัล มาดริด ขึ้นนำด้วยสกอร์ 3-1 และสกอร์รวมที่ 6-5
ซิตี้ยังช็อคไม่หายตั้งเกมไม่ขึ้นและสร้างโอกาสจังๆได้แค่ช่วงทดเจ็บของครึ่งแรกของช่วงต่อเวลาเมื่อ คันเซโล เปิดให้ โฟเดน โหม่งไปให้ คูร์ตัวส์ ได้ปัดปลายมือไปเข้าทาง แฟร์นานดินโญ เติมมาจิ้มจ่อๆชนเสาออกไปเองอย่างน่าเสียดาย ครึ่งเวลาหลังทีมเยือนทำอะไรไม่ได้และจำต้องเป็นฝ่ายก้มหน้ารับความพ่ายแพ้ไป
เดอบรอยน์เชื่อการคว้าแชมเปี้ยนส์ ลีก จะเปลี่ยนมุมมองของแมนเชสเตอร์ซิตี้
เควินเดอบรอยน์ กองกลางตัวรุกแมนเชสเตอร์ ซิตี้เชื่อมั่นว่าหากพวกเขาสามารถคว้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ มุมมองของผู้คนจะมองสโมสรของพวกเขาเปลี่ยนไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้นับตั้งแต่การเข้ามาของกลุ่มทุนอาหรับในช่วงปี 2008 พวกเขามีเป้าหมายคือการคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้ และพวกเขาเคยเกือบคว้าแชมป์มาแล้วในฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็พลาดไปในรอบชิงชนะเลิศ
“ผมคิดว่าหากเราสามารถคว้าแชมป์ได้มุมมองจากคนภายนอกจะเปลี่ยนไปเลย ในความเป็นจริงที่ว่าเรามีความพยายามต่อสู้กันมานานหลายปี กับการฝ่าฝันมาทีละรอบ และเราก็ทำได้ดี มันเป็นการแข่งขันรายการฟุตบอลถ้วยที่มีคุณภาพสูงมาก และมันก็ยากมากในการคว้าแชมป์รายการนี้”
เดอบรอยน์วัย 30 ปี มีสัญญาถึงกลางปี 2025 โดยยังคงเป็นแกนหลักของทีมมาต่อเนื่อง ทีมเยือน ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาลงเล่นไปแล้วทั้งสิ้น 40 เกม ทำไปทั้งสิ้น 15 ประตู 12 แอตซิสต์ ในทุกรายการฤดูกาลนี้ ข่าวกอล์ฟ
คีน เปลี่ยนใจหรือไม่กับการทายแชมป์พรีเมียร์ลีก : แมนซิตี้วีเอสลิเวอร์พูล รอย คีน ตำนานกัปตันทีมปีศาจแดง เผยการตัดสินใจทายแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้วีเอส ลิเวอร์พูลในช่วงโค้งสุดท้ายว่าจะเปลี่ยนไปจากที่เคยพูดไว้เมื่อหลายเดือนก่อนหรือไม่
ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนที่แมนฯ ซิตี้ยังคงนำเป็นจ่าฝูงโดยมีแต้มนำห่าง ลิเวอร์พูลเกินกว่า 10 แต้ม ซึ่งตอนนั้น คีโน่ พูดเอาไว้อย่างมั่นอกมั่นใจว่าทัพเรือใบสีฟ้าจะนำโด่งเข้าป้ายไปแบบสบาย ๆ แน่นอน
“ถ้าวัดจากตอนนี้ ต่อให้ ลิเวอร์พูลกับ เชลซี ดูดีแค่ไหน แต่สุดท้ายผมก็เลือกแมนฯ ซิตี้เป็นแชมป์อยู่ดี เพราะพวกเขาแข็งแกร่งทั้งเกมรุก-เกมรับ ซึ่งทางฝั่งหงส์แดงอาจจะยิงประตูได้เยอะ แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าทางฝั่งเรือใบสีฟ้าจริง ๆ” ตำนานผี เอาไว้เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน
จนกระทั่งสถานการณ์ปัจจุบันคือ เชลซี ที่เคยมีลุ้นอันดับ 1 ร่วงลงไปจนหมดลุ้นแชมป์เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ลิเวอร์พูล ตามหลังแมนฯ ซิตี้อยู่แค่แต้มเดียว แถมยังสลับขึ้นนำจ่าฝูงกันไปมาทุกนัด ขึ้นอยู่กับว่าใครเตะก่อนเตะหลังด้วย โดยล่าสุด คีน ได้แสดงความเห็นล่าสุดเกียวกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำนายเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ต่อให้อยากทำแค่ไหนก็ตาม แต่ผมไม่สามารถเปลี่ยนใจได้เพราะเคยลั่นวาจาออกไปแล้ว แต่ด้วยโอกาสที่มากกว่า ฉะนั้นผมจำเป็นต้องเชื่อมั่นในแมนฯซิตี้ ต่อไปว่าพวกเขาคว้าแชมป์ได้ชัวร์” คีโน่
“มันเป็นเรื่องของคุณภาพ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าใครเหนือกว่ากันเพราะ ลิเวอร์พูลเองก็สุดยอดเหนือคำบรรยาย แต่ด้วยประสบการณ์ ด้วยความพร้อมของทีม เป๊ป เองก็เป็นโค้ชระดับโลก ฉะนั้นเขาจะละเอียดมากพอจนไม่ปล่อยให้แต้มหลุดมือในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้แน่นอน”